ผู้สูงอายุหกล้มอันตรายกว่าที่คิดแต่ป้องกันได้ก่อนสายเกินแก้

ผู้สูงอายุหกล้ม อุบัติเหตุที่ดูเหมือนจะเล็ก แต่ไม่เล็กสำหรับผู้สูงวัย เพราะการหกล้มของผู้สูงอายุส่งผลกระทบร้ายแรงกว่าที่หลายคนคิด และอาจส่งผลถึงชีวิตของผู้สูงวัยในระยะยาวอีกด้วย แต่เราสามารถป้องกันอุบัติเหตุนี้ได้

ผู้สูงอายุหกล้มมีสาเหตุจากอะไร

ปัญหาหกล้มในผู้สูงอายุมีอันตรายกว่าคนวัยอื่นหลายเท่าตัว และในผู้สูงอายุยังมีความเสี่ยงต่อการหกล้มได้ง่ายเนื่องจากความเสื่อมของร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงและทรงตัวได้ไม่ดีพอ โดยในผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปเสี่ยงต่อการหกล้ม 28-35% ส่วนในผู้ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปเสี่ยงต่อการหกล้มเพิ่มขึ้นเป็น 32-42% ไม่เพียงเท่านั้น จากสถิติเกี่ยวกับการบาดเจ็บของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตจากการหกล้มสูงเป็นอันดับ 2 รองจากการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วยผู้สูงอายุหกล้มส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง

หากผู้สูงอายุหกล้ม จะส่งผลให้อวัยวะต่างๆ เช่น แขน ขา ศีรษะ ฯลฯ เกิดการกระแทก และมีอาการบาดเจ็บตามมา อาจบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไปจนถึงบาดเจ็บรุนแรง และรุนแรงที่สุดคือเสียชีวิต โดยปัญหาการหกล้มเกิดมากกับผู้สูงอายุ และมีความอันตรายมากกว่าคนวัยอื่น จากสถิติยังพบว่ามีผู้สูงอายุเสียชีวิตจากการหกล้มเฉลี่ย 3 คนต่อวัน แต่ปัญหาดังกล่าวสามารถป้องกันและแก้ไขได้หากเข้าใจถึงความเสี่ยงและการดูแลที่เหมาะสม

นอกจากส่งผลกระทบต่อชีวิตและร่างกายภายนอกของผู้สูงอายุแล้ว การที่ผู้สูงอายุหกล้มยังส่งผลกระทบถึงจิตใจของผู้สูงอายุเองด้วย เพราะทำให้เกิดความกังวล ขาดความมั่นใจในการเดิน กลัวการหกล้ม อาจเกิดภาวะซึมเศร้าทำให้ช่วยเหลือตัวเองได้ลดลง รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อด้านเศรษฐกิจของคนรอบข้าง เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล ถ้าหากมีภาวะแทรกซ้อน อาจทำให้ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลนานขึ้นและเสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้นไปอีก

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้สูงอายุหกล้ม

สาเหตุมาจาก 2 ปัจจัยใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ

1. ปัจจัยภายในที่มาจากร่างกายของผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็น สภาพร่างกายที่เสื่อมถอยตามวัย โรคประจำตัว ผลข้างเคียงจากการกินยารักษาบางชนิด

  • สมองประมวลผลช้าลง คิดช้า การตัดสินใจช้า
  • ปฏิกิริยาตอบสนองช้า การเคลื่อนไหวช้าลง
  • สายตาไม่ดี
  • หน้ามืดวิงเวียนง่าย
  • กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอ่อนแอลง ข้อต่อตึงแข็ง ไม่คล่องตัวเหมือนก่อน
  • กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เมื่อรีบเข้าห้องน้ำทำให้เสี่ยงหกล้มง่าย
  • การกินยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิตสูง ยาขับปัสสาวะ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวดลดการอักเสบ ยารักษาอาการชักและปวดเส้นประสาท ยาคลายวิตกกังวล ยานอนหลับ ยารักษาอาการเวียนหัวบ้านหมุน ยารักษาปัสสาวะขัด ยารักษาอาการทางจิต
  • โรคที่มักจะมาเยือนเมื่อถึงวัยสูงอายุ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคพาร์กินสัน ฯลฯ

ดูแลทำความสะอาดพื้นบ้านไม่ให้เปียกหรือมีสิ่งของกีดขวางจนเป็นเหตุให้ผู้สูงอายุหกล้มได้

2. ปัจจัยภายนอกมาจากสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวผู้สูงอายุ ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้ชีวิตสำหรับผู้สูงวัยที่เคลื่อนไหวร่างกายได้ลำบากกว่าคนวัยหนุ่มสาว และอาจก่อให้เกิดอันตรายจากการหกล้มได้ง่าย

  • พื้น : ลื่น ขรุขระ ต่างระดับ มีธรณีประตู ทางเดินลาดชันมาก มีน้ำขัง
  • บันได : ขึ้นลงไม่สะดวก วางของกีดขวางทาง
  • มีสิ่งกีดขวางทางเดิน : โต๊ะเก้าอี้ที่มีส่วนยื่นออกมา พรมเช็ดเท้า สายไฟ บ้านรกวางของระเกะระกะบนพื้น
  • แสงสว่างไม่เพียงพอ : บริเวณที่ใช้งานหรือเดินผ่านเป็นประจำ โดยเฉพาะ บันได
  • เก็บของไว้ที่สูง : ต้องเอื้อมหยิบหรือใช้เก้าอี้ปีน
  • สัตว์เลี้ยง : นอนขวางทางเดิน กระโจนใส่
  • กระจกใสขนาดใหญ่ : อาจเดินชน
  • มีบ่อน้ำ : หกล้มตกบ่อ

ผู้สูงอายุหกล้มป้องกันได้ก่อนสายเกินแก้

แม้ว่าผู้สูงอายุหกล้มจะเป็นอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เราก็มีวิธีป้องกันเบื้องต้นได้ ทั้งในด้านปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ดังต่อไปนี้

ป้องกันผู้สูงอายุหกล้มจากปัจจัยภายใน/ดูแลสุขภาพร่างกาย

  1. นอนหลับพักผ่อน กินอาหารให้พอเพียงและกินเป็นเวลา เพื่อป้องกันอาการหน้ามืดเป็นลม
  2. ออกกำลังกาย เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อและกระดูก สร้างความยืดหยุ่นข้อต่อ และช่วยให้การทรงตัวดี ถ้ามีปัญหาสุขภาพปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีออกกำลังกายที่เหมาะสม
  3. ควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs เช่น ควบคุมระดับความดันโลหิต ควบคุมเบาหวานโดยการคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  4. ระมัดระวังการกินยา สอบถามกับแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา

หมั่นให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ป้องกันการหกล้มได้

ระมัดระวังการเคลื่อนไหว

  1. มีสมาธิใส่ใจในสิ่งที่ทำ ทำทีละเรื่อง
  2. อย่ารีบร้อนเปลี่ยนอิริยาบถ เช่น ค่อยๆ ลุกจากเตียง ดูเก้าอี้ก่อนนั่ง เดิน ไม่วิ่ง
  3. มองก่อนก้าวขึ้น-ลง ดูสภาพพื้นก่อนก้าวเดิน
  4. งดปีนป่ายหยิบของจากที่สูง หรือปีนซ่อมแซมบ้าน ตัดต้นไม้

ป้องกันผู้สูงอายุหกล้มจากปัจจัยภายนอกปรับสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม

1. ห้องนอน ควรให้ผู้สูงอายุพักอาศัยในบริเวณห้องชั้นล่างเพื่อเลี่ยงการขึ้นบันไดที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุหกล้มได้

  • ไม่นอนบนพื้น อาจปวดข้อ หรือวิงเวียนหน้ามืด ทำให้เสียการทรงตัว
  • ใช้เตียงสูงระดับข้อพับเข่าเพื่อลุกนั่งสะดวก ไม่มีขอบแหลมคม ฟูกไม่นิ่มหรือแข็งเกินไป
  • สวิตช์ไฟเปิดปิดสะดวก อยู่ในจุดใกล้เตียงนอน ใกล้ประตู
  • อยู่ชั้นล่าง เพื่อเลี่ยงการขึ้นลงบันไดบ่อยๆ
  • มีบริเวณเดินสะดวก

2. ห้องน้ำ ควรติดตั้งราวจับในห้องน้ำและทางเดินเพื่อให้ผู้สูงอายุใช้เกาะพยุงตัวป้องกันการหกล้ม

  • พื้นต้องไม่ลื่น
  • มีราวจับตามจุดต่างๆ
  • อุปกรณ์ใช้งานสะดวก
  • ประตูเปิดออกด้านนอก หรือใช้บานเลื่อน

3. ห้องครัว

  • อุปกรณ์การใช้งานต่างๆ หยิบได้ง่าย ไม่ต้องก้ม เอื้อมไกล หรือเอื้อมข้ามเตา
  • มีเก้าอี้ให้นั่งพัก
  • แสงสว่างพอเพียง
  • พื้นไม่ลื่น

4. ห้องนั่งเล่น

  • เครื่องเรือนมีความแข็งแรงมั่นคง ไม่มีส่วนใดยื่นออกมา งดใช้เก้าอี้โยก

5. สภาพแวดล้อมในบ้าน

  • พื้นเรียบเสมอกัน ไม่ลื่น ไม่ขรุขระ ไม่ใช้พื้นต่างระดับ ไม่มีธรณีประตู ทางไม่มีจุดลาดชันมากเกินไป ไม่มีน้ำขัง
  • จัดบ้านให้เป็นระเบียบ ไม่มีของวางกีดขวางทางเดิน พรม หรือสายไฟบนพื้น
  • ติดไฟให้มีแสงสว่างมองเห็นชัดในจุดที่มักละเลย เช่น บันได และทางเดิน
  • บันได ไม่วางสิ่งของ มีราวจับ
  • ติดราวจับช่วยพยุงตัวภายในห้องน้ำ หรือภายในบ้าน ตามความเหมาะสมกับสภาพร่างกายผู้สูงอายุ

6. อื่นๆ

  • ใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น สวมแว่นสายตา ไม้เท้าช่วยพยุง ไม้ช่วยใส่รองเท้า เครื่องช่วยฟัง ติดตั้งอุปกรณ์ขอความช่วยเหลือยามฉุกเฉิน ติดอุปกรณ์กันกระแทก
  • ใช้เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ที่ช่วยให้มีความคล่องตัว ใส่สบาย ไม่มีการตกแต่งรุงรัง หรือมีน้ำหนักมาก

นอกจากนี้ น่าจะดีกว่าหากผู้สูงอายุที่คุณรักจะได้รับการดูแลโดยผู้ดูแลที่จัดส่งจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่บ้านที่มีมาตรฐาน เพื่ออยู่เป็นเพื่อน และดูแลพื้นที่ที่เกี่ยวข้องให้สะอาด เรียบร้อย ปลอดภัย ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการหกล้มที่เกิดจากการทำกิจกรรมต่างๆ ของผู้สูงอายุได้ค่ะ

ข้อมูลอ้างอิง : คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลCaregiverThai.com
Cr : Thairath

Leave a Comment